Last Updated on Monday, 28 February 2011 14:09 Written by Administrator Tuesday, 01 February 2011 14:41
ในปี พ.ศ.๒๕๐๒ ม.ล.ชูชาติ กำภู อธิบดีกรมชลประทาน (ในสมัยนั้น) ระหว่างที่ไปเยือนจังหวัดเชียงใหม่ หลังจากได้ฟังการแสดงธรรมของหลวงพ่อ เมื่อครั้งจำพรรษาอยู่ที่วัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม) ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ก็ได้เกิดความเลื่อมใสในวิธีการสอนธรรมะแนวใหม่ของท่าน จากเดิมที่นั่งเทศนาบนธรรมาสน์ถือใบลาน มาเป็นการยืนพูดปาฐกถาธรรม แบบพูดปากเปล่าต่อสาธารณชน พร้อมทั้งยกตัวอย่างเหตุผลร่วมสมัย ทันต่อเหตุการณ์ เป็นการดึงดูดประชาชนให้หันเข้าหาธรรมะได้เป็นอย่างมาก
และด้วยความเลื่อมใสศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา และความประทับใจในลีลาวิธีการถ่ายทอดธรรมะแนวใหม่ของหลวงพ่อ ม.ล.ชูชาติ กำภู ซึ่งเกิดความศรัทธาปสาทะในหลวงพ่อ และกรมชลประทาน จึงได้มอบที่ดินและสร้างวัดใหม่ขึ้นมา ชื่อ “วัดชลประทานรังสฤษฎ์” เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๒ ณ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมทั้งได้อาราธนาหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ มาเป็นเจ้าอาวาส ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๓ เป็นต้นมา
ต่อมาท่านเริ่มปฏิรูปและปรับประยุกต์พิธีกรรมประเพณีทางศาสนา ให้เป็นไปเพื่อส่งเสริมสติปัญญาตามหลักการ “เป็นระเบียบ เรียบง่าย ประหยัด ให้สมกับเหตุการณ์ และให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างแท้จริง” วัดชลประทานรังสฤษฎ์จึงเป็นวัดที่ปราศจากอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เครื่องรางของขลัง การบอกใบ้หวย การเข้าทรงองค์เจ้า แต่วัดแห่งนี้มุ่งเน้นในเรื่องของหลักธรรมคำสอนและการปฏิบัติตามแก่นธรรม แห่งพระพุทธศาสนา เพื่อขัดเกลาจิตใจของผู้คนให้หลุดพ้นจากกิเลสที่พอกพูน โดยมี “หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ” ทำหน้าที่เป็นนักรบแห่งกองทัพธรรม ขับเคลื่อนหลักธรรมคำสอนเผยแพร่สู่สาธารณชนมาโดยลำดับ
รวมทั้ง ท่านยังเป็นผู้ริเริ่มการแสดงปาฐกถาธรรมวันอาทิตย์ ณ วัดชลประทานรังสฤษฎ์ โดยได้ดำเนินการเผยแผ่พระพุทธศาสนา โดยวิธีที่ท่านได้เริ่มปฏิวัติรูปแบบการเทศนาแบบดั้งเดิมที่นั่งเทศนาบน ธรรมาสน์ถือใบลาน มาเป็นการยืนพูดปาฐกถาธรรมแบบพูดปากเปล่าต่อสาธารณชน พร้อมทั้งยกตัวอย่างเหตุผลร่วมสมัย ทันต่อเหตุการณ์ เป็นการดึงดูดประชาชนให้หันเข้าหาธรรมะได้เป็นอย่างมาก ซึ่งในช่วงแรกๆ ได้รับการต่อต้านอยู่บ้าง แต่ต่อมาภายหลังการปาฐกถาธรรมแบบนี้กลับเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปจนถึงบัดนี้ เมื่อพุทธศาสนิกชนทราบข่าวว่า หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุจะไปปาฐกถาธรรมที่ใดก็จะติดตามไปฟังกันเป็นจำนวนมาก จนในที่สุดหลวงพ่อได้รับอาราธนาให้เป็นองค์แสดงปาฐกถาธรรมในสถานที่ต่างๆ และเทศนาออกอากาศทั้งทางสถานีวิทยุกระจายเสียง และสถานีวิทยุโทรทัศน์ต่างๆ จนถึงปัจจุบัน
หลวงพ่อเป็นพระแท้ พระที่ยืนหยัดอยู่กับจุดยืนของพระพุทธเจ้า เทิดทูนพระรัตนตรัยว่าเป็นสรณะที่พึ่งแท้จริง ไม่ไขว้เขว และก็พร่ำสอนประชาชนให้ยืนอยู่จุดนี้ ปาฐกถาส่วนมากของท่านจะชี้ให้ทำลายความโง่ งมงาย ยึดติดในที่พึ่งภายนอก เช่น เครื่องรางของขลัง ไม่ว่าเหรียญพระเหรียญเทพ ที่คนบ้ากันหัวปักหัวปำอยู่ในปัจจุบันนี้ ท่านจะวิพากษ์วิจารณ์ตลอด ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม ท่านถือว่าหน้าที่ของพระคือ “ชี้ทางสวรรค์ให้ชาวบ้าน” ทางสวรรค์ก็คือ แนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง อยู่ในศีลในธรรม ไม่งมงายในสิ่งไร้สาระ
ในปัจจุบัน ทุกวันอาทิตย์พุทธศาสนิกชนจะมาทำบุญใส่บาตร | ฟังเทศน์ฟังธรรมกันที่วัดชลประทานรังสฤษฎ์ เป็นจำนวนมาก |
นอกจากนี้ หลวงพ่อยังได้รับอาราธนาไปแสดงธรรมในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เป็นต้น และยังได้รับเชิญเข้าร่วมประชุมและกล่าวคำปราศรัยในการประชุมองค์กรศาสนาของ โลกเป็นประจำอีกด้วย
โดยที่หลวงพ่อท่านเป็นพระมหาเถระผู้มีชื่อเสียงของประเทศไทย ได้สร้างผลงานไว้มากมายทั้งด้านศาสนาสังคมสงเคราะห์ ตลอดจนงานด้านวิชาการ ดังนั้น หลวงพ่อจึงได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้ได้รับรางวัลเกียรติคุณมากมาย และเป็นประธานในการดำเนินกิจกรรมทั้งที่เป็นประโยชน์แก่พระพุทธศาสนาและ สังคม เช่น สนับสนุนโครงการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างแดน เป็นประธานจัดหาทุนสร้างตึกโรงพยาบาลกรมชลประทาน ๘๐ ปี (ปัญญานันทะ) และเป็นประธานในการดำเนินการจัดหาทุนสร้างวัดปัญญานันทาราม จ.ปทุมธานี เป็นต้น
หลวงพ่อท่านมีความปราดเปรื่องในการเทศนาธรรม บรรยายธรรม โดยท่านจะใช้คำพูดแบบเรียบง่าย เข้าใจง่าย ไม่อ้างคำบาลีมากมายจนเข้าใจยากและฟังไม่รู้เรื่อง ท่านเป็นผู้ที่มีวาทศิลป์เป็นเลิศ อธิบายหลักธรรมให้คนทั่วไปเข้าใจอย่างง่ายๆ เป็นพระที่ต่อต้านการนำศาสนามาหากิน หลอกลวงชวนเชื่อให้งมงาย ทุกครั้งที่แสดงปาฐกถาธรรมในสถานที่ต่างๆ จะมีประชาชนเข้าฟังเป็นจำนวนมาก วิธีการของท่านคือ จะไปบรรยายธรรมตามหอประชุมต่างๆ ตามคำเชิญ เช่น ศาลาปฏิบัติธรรม สถานที่ราชการ โรงเรียน และสถานศึกษาต่างๆ เป็นต้น แทนการให้มานั่งฟังกันที่วัด ตามรูปแบบเดิมๆ ที่เคยปฏิบัติกันมา
แม้ว่าคำสอนของหลวงพ่อจะเป็นคำสอนที่ฟังแล้วง่ายต่อการเข้าใจ แต่ก็ลึกซึ้งด้วยหลักธรรมและอุดมการณ์อันหนักแน่นในพระรัตนตรัย หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุเป็นหนึ่งในบรรดาพระภิกษุผู้มีชื่อเสียง เปี่ยมด้วยคุณธรรมและเมตตาธรรม ผู้นำคำสอนในพระพุทธศาสนามาประยุกต์สอนให้เหมาะสมสำหรับชาวพุทธทุกชนชั้น ง่ายต่อการที่จะเข้าถึง หลวงพ่อเป็นพระสงฆ์รูปแรกที่กล้าในการปฏิรูปพิธีกรรมทางศาสนาของชาวไทย ที่ประกอบพิธีกรรมหรูหรา ฟุ่มเฟือย โดยเปลี่ยนเป็นประหยัด มีประโยชน์ และเรียบง่าย ดังนั้น หลวงพ่อจึงได้รับการขนานนามว่า “ผู้ปฏิรูปพิธีกรรมของชาวพุทธไทย” ในปัจจุบัน