การมรณภาพ

Last Updated on Monday, 28 February 2011 14:05 Tuesday, 01 February 2011 15:28

พระพรหมมังคลาจารย์ (หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ) ได้มรณภาพลงอย่างสงบ ด้วยอาการโรคปอดอักเสบและไตวายเฉียบพลัน ณ โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพฯ เมื่อเวลา ๐๙.๐๕ น. ของวันพุธที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๐ สิริอายุรวม ๙๖ ปี ๔ เดือน ๒๙ วัน พรรษา ๗๖ การมรณภาพของท่าน พระผู้เป็น “สุปฏิปันนสาวก” ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระพุทธบุตรผู้เป็น “ประทีปส่องทางชีวิต” แก่ชาวพุทธทั้งปวง ถือได้ว่าเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการคณะสงฆ์ไทย ท่ามกลางความเศร้าสลดอาลัยของคณะสงฆ์ คณะศิษยานุศิษย์ และพุทธศาสนิกชนทั่วไปเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องสูญเสียปูชนียสงฆ์รูปสำคัญอันเป็นแม่ทัพธรรมระดับแนวหน้าไปอย่างสงบ เหลือทิ้งไว้แต่ผลงานอันทรงคุณค่าคุณูปการยิ่งที่อุทิศให้แด่พระศาสนา เป็นอนุสรณ์แห่งความทรงจำไว้เบื้องหลัง

ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล แถลงว่า โรงพยาบาลศิริราชได้รับการติดต่อจากโรงพยาบาลชลประทาน ในการส่งหลวงพ่อปัญญาฯ มารักษาตัวตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม เวลา ๑๓.๓๐ น. โดยเข้าพักรักษาตัวที่ตึก ๘๔ ปี ชั้น ๕ ห้อง ๕๒๙ โดยท่านมีอาการหน้ามืด วูบ เหนื่อย และแน่นหน้าอก ซึ่งก่อนหน้านี้หลวงพ่อปัญญาฯ เคยอาพาธเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน และเคยได้รับการถ่างขยายหลอดเลือด และใส่สเต็น (stent) หรือขดลวดอยู่แล้ว

เมื่อหลวงพ่อปัญญาฯ เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช ทีมแพทย์จึงให้การดูแล และวินิจฉัยว่าน่าจะมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เนื่องจากหลอดเลือดหัวใจตีบตัน ทางแพทย์ได้ตรวจอีกครั้งด้วยการฉีดสีเข้าหลอดเลือดหัวใจ พบว่ามีการตีบตันของหลอดเลือดจริง จึงขยายหลอดเลือดหัวใจพร้อมได้ใส่สเต็นไว้ และให้พักรักษาที่ห้องไอซียู หออภิบาลทางโรคหัวใจ ในวันที่ ๕ ตุลาคมที่ผ่านมา ก่อนจะย้ายกลับไปรักษาที่ตึก ๘๔ ปี ในวันที่ ๖ ตุลาคม

ปรากฏว่าในช่วงบ่ายวันที่ ๖ ตุลาคม หลวงพ่อปัญญาฯ เริ่มไอ มีเสมหะ และติดเชื้อ จึงย้ายไปรักษาที่หออภิบาลอีกครั้ง และได้เอ็กซเรย์ปอด พบว่าเริ่มมีการติดเชื้อในปอด จึงต้องให้ยาปฏิชีวนะ นอกจากนี้ ตรวจพบว่าการทำงานของไตเริ่มแย่ลง การติดเชื้อมากขึ้น ทำให้การใช้ยาควบคุมทำได้ยาก สุดท้ายเกิดไตวายเฉียบพลัน และเมื่อคืนวันที่ ๙ ตุลาคม หลวงพ่อปัญญาฯ มีอาการหัวใจวายและหยุดหายใจ ๑ ครั้ง ทางทีมแพทย์ต้องช่วยรักษาให้หัวใจกลับมาเต้นอีกครั้ง แต่ในตอนเช้าท่านมีอาการทรุดหนัก การทำงานของหัวใจแย่ลงอีก จนกระทั่งมรณภาพในที่สุด เมื่อเวลา ๐๙.๐๐ น. ในช่วงเช้าของวันที่ ๑๐ ตุลาคม นี้


บรรยากาศพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมศพหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ กำหนด ๗ คืน


ขบวนแห่สรีระสังขารของหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ มาตั้งบำเพ็ญกุศล
ณ ศาลาขจรประศาสน์ วัดชลประทานรังสฤษฎ์ เมื่อวันที่ ๑๒ ต.ค. ๒๕๕๐



ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๘ ต.ค. ๒๕๕๐ ณ ศาลาขจรประศาสน์ วัดชลประทานรังสฤษฎ์ จ.นนทบุรี

ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์พิธีศพพระพรหมมังคลาจารย์ (หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ) อดีตเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฎ์ จ.นนทบุรี เป็นอเนกประการ ดังนี้ (๑) พระราชทานพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม กำหนด ๗ คืน (๒) การบำเพ็ญพระราชกุศล ๗ วัน, ๕๐ วัน, ๑๐๐ วัน (๓) บำเพ็ญพระราชกุศลออกเมรุพระราชทานเป็นกรณีพิเศษ พร้อมทั้งพระราชทานสิ่งของ ได้แก่ หีบพร้อมเครื่องสุกำศพ, พร้อมดอกไม้ประดับศพ เมรุ ดอกไม้จันทน์แก่แขกที่มาพระราชทานเพลิงศพ, ผ้าไตรพร้อมจตุปัจจัยถวายพระสงฆ์บังสุกุลก่อนเคลื่อนศพ, พระนำศพ พระบังสุกุลก่อนพระราชทานเพลิงศพ, พระสามหาบ (พระเก็บกระดูก), จตุปัจจัยถวายพระสงฆ์หน้าไฟ, ภัตตาหารถวายบรรจุปิ่นโตถวายพระพระราชทาน, ลุ้งสำหรับใส่อังคาร, น้ำเลี้ยงพระสงฆ์และแขกที่มาร่วมงานทั้งหมด โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเป็นกรณีพิเศษ

ส่วนโกศทองแปดเหลี่ยมกับเครื่องประกอบพิธีศพ น้ำหลวงสรงศพ สวดพระอภิธรรม ๓ คืน และไตรครอง ๑ ไตร เป็นสิ่งที่ต้องได้รับพระราชทานตามระดับชั้นสมณศักดิ์อยู่แล้ว