พระอุโบสถกลางน้ำ ที่ยังทำไม่เสร็จ

แบบจำลองพระอุโบสถกลางน้ำ

หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ตั้งปณิธานที่จะทำงานเพื่อพระพุทธศาสนาเป็นงานชิ้นสุดท้ายในชีวิตว่า “จะขอสร้างพระอุโบสถกลางน้ำ ตราบใดที่มีลมหายใจเข้าออก ต้องทำให้สำเร็จ ไม่สำเร็จ ไม่เลิก”, “ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นไปตามนั้น ถ้าไม่เสร็จ และยังมีชีวิตอยู่ก็ต้องทำให้มันเสร็จ” และ “ถ้าโบสถ์ไม่เสร็จ ไม่ตาย”

สำหรับที่มาของแนวคิดในการจัดสร้างพระอุโบสถกลางน้ำ ก็คือ ความต้องการที่จะแก้ปัญหาการขาดแคลนสถานที่สังฆกรรมขนาดใหญ่ จึงต้องการที่จะจัดหาพื้นที่รองรับพระภิกษุสงฆ์นับเป็นจำนวนพันรูป ที่จะเข้ามาศึกษาที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย (มจร.) วิทยาเขตวังน้อย ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา โดยพระอุโบสถแห่งนี้จะเป็นที่ปฏิบัติกิจของสงฆ์ร่วมกันในจำนวนมากอย่างพร้อม เพรียง ด้วยเล็งเห็นว่า มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย (มจร.) จะเป็นศูนย์กลางการศึกษาด้านพระพุทธศาสนาขนาดใหญ่ เทียบได้ใกล้เคียงกับมหาวิทยาลัยนาลันทา ประเทศอินเดีย

พระอุโบสถกลางน้ำไม่เพียงแต่ใช้เป็นที่ชุมชุมของสงฆ์ หากแต่พระอุโบสถแห่งนี้ยังมุ่งหมายให้ประเทศไทยเป็นสัญลักษณ์แห่งการเป็น ศูนย์กลางของพระพุทธศาสนา สามารถใช้การประกอบพิธีทางศาสนาของชาวพุทธ “ทั่วโลก” และใช้เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์เพื่อทดแทนสิ่งปลูกสร้างที่ถูกทำลายไปใน สมัยเสียกรุงศรีอยุธยา ทั้งนี้ เมื่อการก่อสร้างมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย (มจร.) วิทยาเขตวังน้อย เสร็จสิ้นแล้ว มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งนี้จะรองรับพระภิกษุสงฆ์ได้จำนวนมากถึง ๒๐,๐๐๐ รูป

หลวงพ่อปัญญาฯ เคยกล่าวไว้ว่า “พระอุโบสถกลางน้ำเป็นสถานที่ในการศึกษาเรียนรู้ของผู้สนใจในหลักธรรมะ เคยเห็นผู้ที่เดินทางไปเรียนหลักธรรมะจากประเทศอินเดีย จีน ถ้าอยากให้คนต่างชาติมาเรียนพุทธศาสนาในไทย ก็จะต้องสร้างแหล่งเรียนรู้ที่น่าศึกษาเรียนรู้ให้เกิดขึ้น”

นอกจากนี้ หลวงพ่อปัญญาฯ ยังกล่าวไว้อีกว่า “ควร จะทำ ฝากสิ่งที่ดีๆ ไว้ ท่านอยากให้คนไทยรู้จักศีลธรรม และปฏิบัติตนเป็นคนดี และยังมีอีกหลายสิ่งที่จะต้องทำเพื่อพุทธศาสนาอีกมากมาย ท่านเลยอยากจะขออยู่อย่างน้อยให้อายุครบ ๑๐๐ ปี”

สำหรับพระอุโบสถทรงไทยประยุกต์กลางน้ำ ซึ่งเป็นพระอุโบสถขนาดใหญ่สองชั้นนั้น ท่านมีความตั้งใจที่จะให้เป็นสถานที่อันเป็นที่ศึกษาเรียนรู้ของผู้สนใจใน หลักธรรมะ ซึ่งพระอุโบสถกลางน้ำแห่งนี้มีมูลค่ากว่า ๑๔๐ ล้านบาท สร้างขึ้นบนเนื้อที่กว่า ๑๒๐ ไร่ ติดถนนพลโยธิน ใกล้กับทางขึ้นมอเตอร์เวย์ หมู่ที่ ๕ ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่ภายในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) วิทยาเขตวังน้อย อันมีเนื้อที่รวมทั้งหมด ๒๐๐ ไร่ ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๘ จนถึงปัจจุบัน ผลการก่อสร้างคืบหน้าไปกว่า ๖๐ % และกำหนดแล้วเสร็จภายในปี พ.ศ.๒๕๕๑ ถือเป็นศาสนสถานที่หลวงพ่อปัญญาฯ ตั้งใจที่จะสร้างให้แล้วเสร็จก่อนมรณภาพ เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช แต่ยังไม่แล้วเสร็จท่านก็ได้มรณภาพไปก่อน เป็นงานชิ้นสุดท้ายที่พระมหาเถระชั้นผู้ใหญ่รูปนี้ ได้ตั้งปณิธานเอาไว้ แต่ด้วยเงื่อนไขของอายุ ทำให้ไม่สามารถที่จะเห็นโครงการนี้แล้วเสร็จลงได้

พระอุโบสถกลางน้ำที่กำลังก่อสร้าง ภาพพระอุโบสถกลางน้ำ ถ่าย ณ วันที่ ๒๕ ก.พ. ๒๕๕๑

สำหรับรายละเอียดของการจัดสร้างพระอุโบสถกลางน้ำนั้น จะเป็นพระอุโบสถทรงไทยประยุกต์ ๒ ชั้น อยู่กลางสระน้ำใหญ่ พื้นที่ชั้นบนรองรับพระสงฆ์ได้ ๔๐๐ รูป และมีลานล้อมรอบพระอุโบสถ ส่วนชั้นล่างเป็นฐานอุโบสถ ครอบคลุมพื้นที่ลานจากส่วนบน จึงมีขนาดกว้างขวางและอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำ รองรับคณะสงฆ์ได้ ๔,๐๐๐ รูป โดยได้วางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๘ และเริ่มดำเนินการก่อสร้างนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

โครงการนี้ถือเป็นความต่อเนื่องมาจากการจัดสร้างอาคาร ๙๒ ปี ปัญญานันทะ สำหรับเป็นที่พักของพระสงฆ์ได้เป็นหมู่คณะ หากเดินทางมาที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย (มจร.) วิทยาเขตวังน้อย ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ.๒๕๔๗ ที่ผ่านมา ด้วยงบประมาณก่อสร้างกว่า ๖๐ ล้านบาท อันมีที่มาจากการบริจาคของผู้มีจิตศรัทธา

Find the best web hosting service and read ipage review for more information.
มูลนิธิภิกขุปัญญานันทะ | Develop by บ้านจิตอาสา | Webmaster : [email protected]